แนวโน้มของเทคโนโลยีเว็บในอนาคต
Web3.0 ยุคแห่งโลกอนาคต
แนวโน้มในส่วนของ
Web
3.0
ที่มีการกล่างถึงกันมากขึ้นในวงการไอทีนั้นยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนมาก นัก
เนื่องจากยังไม่มีการนิยามและตัวอย่างของเวบไซต์ออกมาให้เห็นกันอย่างชัดเจน
เป็นเพียงแนวโน้มของการพัฒนาที่กลุ่มคนบางกลุ่มที่ต้องการพัฒนาเวบไซต์ใน
อนาคตให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้มากขึ้นเท่านั้น
แนวคิดของ
Web
3.0 นั้นเป็นเหมือนกันนำ Web 2.0
มาทำการพัฒนาและต่อยอด โดยมีการปรับปรุงและแก้ไข Web 2.0
ให้ดีขึ้น เนื่องจากในยุค Web 2.0
นั้นผู้ใช้มีการสร้างเนื้อหาได้อย่างสะดวกและง่ายดายทำให้
มีจำนวนเนื้อหาจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น บล็อค, รูปภาพ, ไฟล์มัลติมีเดียต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อมาก็คือ
ปัญหาในการค้นหาและเข้าถึงข้อมูล
จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาแนวคิดหรือวิธีการในการจัดการข้อมูลให้เป็นระบบ
และมีการเชื่อมโยงถึงกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาและเข้าถึง
โดยแนวคิดดังกล่าวนั้นเป็นที่มาของการพัฒนาไปสู่ยุค Web 3.0
นั่นเอง
“Read – Write –
Execute” เป็นการคาดการณ์ลักษณะของการแสดงเนื้อหาและการโต้ตอบกันระหว่างเจ้าของ
เวบไซต์และผู้เข้าชมเวบไซต์ในยุค Web 3.0
ซึ่งมีลักษณะเป็นการที่ผู้ใช้สามารถอ่าน เขียน
และทำการจัดการเนื้อหาและปรับแต่งแก้ไขข้อมูลหรือระบบได้อย่างอิสระ หรือในอีกลักษณะหนึ่งของ Web 3.0 คือ “Read – Write – Relate” เป็นลักษณะของการเชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกันมากขึ้นแทนที่จะเป็นเพียงข้อมูล
ที่สามารถอ่านและเขียนได้เท่านั้น
ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อมาคือเมื่อเราสามารถหาความสัมพันธ์และการเชื่อมโยง ข้อมูลต่างๆได้
ก็จะทำให้เราเข้าใจความหมายของเครือข่ายการเชื่อมโยงต่างๆมากขึ้น
รูปแบบหรือลักษณะโดยทั่วไปของเวบไซต์ในยุค
Web
3.0 นั้นมีการกล่าวกันว่าเวบไซต์จะมีการพัฒนาให้กลายเป็น Semantic
Web ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายของข้อมูลขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการค้นหาและเข้า
ถึงได้อย่างรวดเร็วทำให้มีการเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับเแหล่งข้อมูลอื่นๆ
ที่มีเนื้อหาสัมพันธ์กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการทำให้เวบไซต์มีลักษณะของ
Artificial intelligence (AI) ซึ่งทำให้เวบไซต์สามารถตอบสนองผู้ใช้งานได้อย่างชาญฉลาด
คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น
และสามารถแสดงข้อมูลเฉพาะส่วนที่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้ซีแมนติกเว็บ (Semantic
Web) หรือ เว็บเชิงความหมาย คือ
การพัฒนาการของเวิลด์ไวด์เว็บซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อมูลและการบริการบนเว็บไซต์
โดยสร้างความเป็นไปได้ที่เว็บไซต์จะสามารถเข้าใจถึงความต้องการของผู้ใช้และเครื่องมือที่ใช้บรรจุลงในสารบัญเว็บไซต์
ซึ่งมีที่มาจากเวิลด์ไวด์เว็บคอนซอร์เทียม เซอร์ ทิม เบอร์เนิร์ส-ลี
มีทัศนคติเกี่ยวกับเว็บว่าเป็นแหล่งรวมการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้ โดยแก่นแท้ซีแมนติกเว็บจะบรรจุไปด้วยเซ็ตของหลักของการออกแบบ
การทำงานร่วมกัน และความหลากหลายของเทคโนโลยี
พื้นฐานบางส่วนของซีแมนติกเว็บแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะรองรับกับเทคโนโลยีหรือสามารถนำมาใช้ได้จริงในภายภาคหน้า
ส่วนอื่นของซีแมนติกเว็บแสดงถึงลักษณะพิเศษ ซึ่งจะประกอบด้วย Resource
Description Framework (RDF) ความหลากหลายของการสับเปลี่ยนของข้อมูล
(เช่น RDF/XML, N3, Turtle, N-Triples) และเครื่องหมาย เช่น RDF
Schema (RDFS) และ Web Ontology Language (OWL) ซึ่งสิ่งเหล่านี้มุ่งหมายเพื่อเตรียมการถึงส่วนประกอบของการจำกัดความ
กำหนดการ และความรู้ที่ได้รับ มนุษย์สามารถใช้เว็บไซต์เพื่อจัดเก็บงาน เช่น
การค้นหาคำว่า "ลิง" ในภาษาฟิน การจองหนังสือในห้องสมุด
และการค้นหาราคาแผ่นดีวีดีที่ราคาถูกที่สุด
อย่างไรก็ตามคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานได้สำเร็จลุล่วงในงานเดียวกันได้หากปราศจากการควบคุมของมนุษย์
เพราะเว็บเพจได้ถูกออกแบบให้มนุษย์ใช้สำหรับอ่าน ไม่ใช่เครื่องจักรกล
ซีแมนติกเว็บคือทัศนคติของข้อมูลที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้
ดังนั้นเราจึงแสดงถึงความยุ่งยากของงานซึ่งนำไปสู่การค้นหา การแบ่งปัน
และการแบ่งส่วนของข้อมูลบนเว็บ อย่างไรก็ดี ก้าวต่อไปของสื่อใหม่จะเป็นการเชื่อมโยง
และผสมผสานดิจิตอลคอนเท็นต์เหล่านั้นเข้าด้วยกันที่เรียกว่า Mash Up อันเป็นพื้นฐานของเว็บ 3.0
ที่หมายถึงเว็บไซต์ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความฉลาดรู้ หรือ มี AI สามารถค้นหา และคาดเดาความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคนได้ อุปกรณ์ไอที Gadget
ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นNotebook/Netbook Smart Phone MID (Mobile
Internet Device) Digital Photo frame e-book หรือแม้แต่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
(Digital home appliance) จะได้รับการพัฒนาให้มีความฉลาดในการทำงานมากขึ้น
ทั้งขนาด คุณสมบัติการทำงาน และราคา เช่น
วันนี้เรามีวิทยุอินเทอร์เน็ตที่มีขนาดเล็กเท่าน้ำตาลก้อนในราคาไม่กี่ร้อย นายประสิทธิ์ วรฉัตราวณิช
รองผู้จัดการทั่วไป บริษัทเอ.อาร์.อินฟอร์เมชัน แอนด์ พับลิเคชัน จำกัด
กล่าวถึงแนวโน้มของเว็บไซต์ในปี 2552 ว่า มีการพูดถึงเว็บ 3.0 แต่ขณะนี้ยังไม่มีการให้คำจำกัดความว่าเว็บ 3.0
คืออะไร เนื่องจากหากพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีมากเกินไป
จะเหมือนกับสมัยที่มีการพูดถึงเทคโนโลยีเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือว่านอกจากจะ
ใช้พูดแล้วยังสามารถใช้ทำอะไรได้อีกบ้าง จะมีตั้งแต่การส่งข้อมูล ส่งเอ็มเอ็มเอส
และอื่นๆอีกมากมาย
โดยในช่วงแรกผู้บริโภคยังไม่นิยมใช้บริการอื่นๆของโทรศัทพ์มือถือเนื่องจาก
ผู้บริโภคเห็นว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก
แต่พอมีการพูดว่าโทรศัพท์มือถือให้บริการอยู่ 2 อย่างคือ
ให้บริการเสียง คือการสื่อสารกันโดยการพูดคุย และบริการที่ไม่ใช่เสียง
โดยบริการที่ไม่ใช่เสียงนั้นจะเป็นสิ่งที่สื่อสารกันโดยไม่ใช้คำพูดผ่านทาง
โทรศัพท์มือถือ มีทั้งการส่งข้อความ หรือรูปภาพ
โดยเรื่องดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าหากใช้คำจำกัดความที่ง่ายก็จะทำให้
เทคโนโลยีไปได้เร็วขึ้น “เทคโนโลยีเว็บ 3.0
ที่พูดมาก่อนหน้านี้ว่าหลังจากไอแจ๊คแล้วยังมีอะไรอีก โดยสิ่งที่มองเว็บ 3.0 ในขณะนี้คือเว็บเซอร์วิส ชนิดหนึ่ง
ซึ่งแต่เดิมเว็บจะเป็นเพียงข้อมูลให้คนดูในยุคแรก พอยุคต่อมาเริ่มมี 2 ทาง คนดูเริ่มเป็นผู้สร้างเนื้อหาได้
แล้วการค้นหาข้อมูลผ่านเว็บก็เกิดขึ้น หรือที่เรียกว่าเซิร์สเอ็นจิ้น
หรือการจับคู่ ต่อมาผู้ใช้เริ่มมีการให้ข้อมูลมากขึ้น เริ่มมีคำว่าแท็ก
มีคำว่าคอมเม้นท์ มีการให้ความหมายเวลาใส่รูปในฟิกเกอร์
ถือสิ่งดังกล่าวเป็นการสอนให้ข้อมูลมีความหมายมากขึ้น
และโลกได้ขยับจากการจับคู่คือเทียบคำมาสู่ความหมายของคำว่ามีนนิ่ง ในโลก 2.0 หากย้อนกลับไปดูข้อมูลมีนนิ่งเริ่มมีมาในช่วงเวลาหนึ่งแล้ว
อย่างในเว็บไซต์ซิกเกอร์ หรือ ดิ๊กดอทคอม โดยมีนนิ่ง
ที่เห็นได้ทั่วไปคือข่าวที่คนให้ความสนใจมากที่สุด เวลาค้นหาโดยใช้มีนนิ่ง
ผู้ค้นจะได้เรื่องที่ตนสนใจมากกว่าในอดีต เช่น
การค้นหาข้อมูลในกูเกิลจะมีข้อมูลขึ้นมาให้มากมายแต่สิ่งที่ต้องการมีเพียง
ไม่กี่รายการ” รองผจก.ทั่วไป บ.เอ.อาร์.ฯ กล่าว นายประสิทธิ์
กล่าวต่อว่า เว็บ 3.0 จะเป็นเว็บที่คิดเองได้ หรือเว็บที่มี
สมอง (เอไอ) มีการช่วยคิดในการค้นหาหรือใช้บริการ เช่น การไปเที่ยวญี่ปุ่น
ผู้ใช้บริการสามารถพิมพ์ค้นหาคำว่าไปเที่ยวญี่ปุ่น เว็บจะแสดงออกมาบอกว่าสามารถไปได้อย่างไรบ้าง
เที่ยวบินไหน เช่าที่พักได้ที่ไหนบ้าง
ถ้าผู้ใช้บริการเพิ่มข้อมูลเข้าไปว่าราคาถูกต่อท้าย
เว็บจะเลือกเที่ยวบินที่ถูกที่สุดว่าเป็นเที่ยวบินอะไร ที่ไหน
โดยเว็บจะบอกเลยว่าเป้าหมายที่ผู้ใช้บริการต้องการจะต้องทำอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม
เว็บ 3.0 ขณะนี้มีเว็บตัวอย่างอยู่บ้าง แต่ยังไม่สมบูรณ์
เนื่องจากเว็บ 3.0 มีเพียงประมาณ 100
เว็บไซต์ และเป็นเว็บไซต์ของต่างประเทศ
“เว็บ 3.0 ที่เป็นของไทยเองยังไม่มี
แต่อาจจะมีเป็นงานวิจัยเล็กๆ ที่เป็นการวิจัยเฉพาะกลุ่มไม่ได้เหวี่ยงแห
เป็นเซิร์สเอ็นจิ้นที่ทำได้ทุกอย่าง เพราะเราไม่ได้มีฐานข้อมูลมากเหมือนกูเกิล
หรืออัลต้าวิสต้า อย่างไรก็ตาม อัลต้าวิสต้า เข้ามาในสนามของเว็บ 3.0 เร็ว เนื่องจากในสนามเซิร์สเอ็นจิ้น อัลต้าวิสต้าไม่สามารถแย่งขึ้นมาเป็น
3 อันดับแรก จากกูเกิล ยาฮู และเอ็มเอสเอ็นได้
เลยทิ้งจากสนามเซิร์ส และลงไปทำเว็บ 3.0 เพราะในอนาคตเว็บ 3.0 จะเป็นเทรนด์ของโลก อีกทั้งเว็บ 3.0
ได้มีการพูดถึงกันมาเป็นปีแล้ว แต่คาดว่าปี 51
จะเริ่มได้เห็นเว็บ 3.0
อย่างเป็นเรื่องเป็นราวแต่ยังไม่ใช่ของคนไทย เชื่อว่ากูเกิลจะเข้ามาในสนามของเว็บ 3.0 ด้วยเช่นกัน ส่วนคำว่าเว็บคิดเองได้ เป็นคำนิยามของผม เพราะมองว่าจาก
แมชชิ่ง มีนนิ่ง ก็ต้องมาเป็นติ้งกิ้ง นั่นคือ 3
ยุคของเว็บในความคิดของผม และหากมองในแง่เทคโนโลยี คือ ไอแจ็ค แล้วก็มาเอไอ หรือ Artificial
Intelligent ซึ่งจะมีคำว่าซีแมนทริกเว็บ” รองผจก.ทั่วไป
บ.เอ.อาร์.ฯ กล่าว นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การเข้ามาของเว็บ 3.0 จะช่วยคิด ช่วยตัดสินใจให้ผู้บริโภคมากขึ้น เนื่องจากโลกในยุคปัจจุบันมีความซับซ้อนมากขึ้น
เช่น เวลาจะไปเที่ยวแต่ละครั้งต้องค้นหาสนามบินว่าที่ไหนราคาถูก
เนื่องจากชีวิตของมนุษย์มีตัวเลือกมาก แต่เวลาเลือกจริงๆ จะเลือกเพียง 3 ตัวเลือกแรกเท่านั้น
เหมือนการค้นหาข้อมูลในเว็บที่การค้นหาแต่ละครั้งจะได้ตัวเลือกเยอะ
แต่เวลาเลือกจริงผู้บริโภคจะดูเพียง 3 อันดับแรก หรือเพียง 3 หน้าแรกเท่านั้น รองผจก.ทั่วไป บ.เอ.อาร์.ฯ กล่าวด้วยว่า เว็บ 3.0 ไม่ได้จบที่เว็บสามารถคิดเองได้เท่านั้น
แต่กำลังพูดถึงการเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของผู้ประกอบการรายอื่นได้ง่ายขึ้น
เหมือนขณะนี้ที่กูเกิลสามารถค้นหาด้วยระบบการพูด ที่ระบบจะทำการวิเคราะห์เสียง
เป็นการเข้ารหัสหลายรูปแบบ โดยการเข้ารหัสใช้การผิวปากเพื่อต้องการหาชื่อเพลง 1 เพลงนั้นก็สามารถทำได้ และระบบจะนำข้อมูลเพลงมาวิเคราะห์หาแบบอย่าง
เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ระบบคิดได้ และชื่อเพลงที่เป็นไปได้จากการผิวปากก็จะขึ้นมาให้ผู้ใช้บริการเลือก
และหากมองในเรื่องของการตลาดก็จะมีเรื่องของผู้ใช้ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น
สื่อก็จะต้องเรียนรู้จากสิ่งที่ผู้บริโภคเป็น
แต่จะกลับทางกันจากเดิมสื่อจะเป็นคนคิดว่าเรื่องนี้ดีหรือไม่ที่จะนำมาเล่า
ให้ผู้บริโภคฟัง โดยที่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต่อจากการโพสต์กระทู้เฉยๆ นี่คือทิศทางของเทคโนโลยีเรื่องเว็บสื่อใหม่ในอนาคต
ที่จะทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยขน์ในแง่ของความสะดวกในการเข้าถึงที่รวดเร็ว
ตรงกับความต้องการมากกว่า สื่ออนาล็อกที่มีข้อจำกัดมากมายอย่างในอดีต และหากเว็บ 3.0 มีการใช้งานจริงใน คงทำให้การดำรงอยู่ในสังคมของผู้บริโภคที่มีแต่ความยุ่งยากซับซ้อนได้ตัดสิน
ใจในสิ่งต่างๆได้ง่ายยิ่งขึ้น...ตัวอย่างลักษณะของเวบไซต์ในยุค Web 3.0 เช่น Search Engine Google ที่เมื่อเราทำการสะกดคำที่ต้องการค้นหาผิด
Google สามารถรู้ได้ว่าคำที่เราต้องการหาเป็นอะไร และทำการแสดงผลของคำที่เราน่าจะต้องการมาให้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น